UK Visa รีวิวยื่นวีซ่าอังกฤษ แบบ Walk-in [ก.พ.2019]

!!! สำหรับการกรอกเอกสารและอื่นๆเบื้องต้น ของ UK Visa ให้ยึดใน vfs เป็นหลักนะคะ เราจะเล่าแค่เรื่อง walk in วีซ่าท่องเที่ยวนะคะ ในเว็บvfsแนะนำว่าให้เช็คด้วยว่าวีซ่าประเภทอื่นอาจวอล์คอินไม่ได้ เพราะต้องสัมภาษณ์ เช่น Tier4 ค่ะ

สำหรับรีวิวการขอวีซ่า UK อัพเดตปี 2020 โดยอัพโหลดเอกสารเอง สามารถกดดูได้ที่นี่ค่ะ

อย่างที่หลายๆคนน่าจะรู้แล้วว่าตั้งแต่มิถุนายน 2018 เวลาเราไปยื่นวีซ่าที่ vfs เขาจะส่งไปให้พิจารณาที่ นิวเดลี ประเทศอินเดียแทน ซึ่งอาจจะทำให้ล่าช้ากว่าปกติ (เมื่อก่อนขอธรรมดาไม่ถึงสัปดาห์ก็ได้วีซ่าแล้ว) คิวเดี๋ยวนี้กว่าจะจองได้ก็ต้องรอ 2 สัปดาห์ ถึงจะได้คิวที่ไม่เสียเงินพิเศษ เพราะถ้ารีบจะกดเอาคิวสัปดาห์หน้าในเว็บจองก็เป็นคิวแบบ Prime Time (จ่ายเพิ่ม 3,450 บาท/ ก.พ.2019) พอดีว่าเรามีเหตุจำเป็นต้องใช้พาสปอร์ตเดือนมีนาคมกลัวว่าจะได้พาสปอร์ตกลับมาไม่ทัน เราเลยตัดสินใจที่จะไป walk in แทนค่ะ (จ่ายเพิ่ม 1,560 บาท/ ก.พ.2019) ซึ่งทั้งหมดนี้ ต้องกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ จ่ายเงินและกดเลือกวันนัดยื่นวีซ่าแบบธรรมดาวันไหนไปก่อนก็ได้ค่ะ ส่วนค่าบริการ walk in 1,560 จ่ายเป็นเงินสดที่เค้าเตอร์ตอนสแกนเอกสารค่ะ

หลังจากอ่านรีวิวใน pantip มีคนแนะนำว่าให้ใช้บริการวอล์คอินแบบ Premium Lounge จะดีกว่า (จ่ายเพิ่ม 3,400 บาท/ ก.พ. 2019) ได้นั่งรอในเล้าจน์ มีน้ำมีขนม แล้วก็ได้ยื่นแน่นอน แต่ด้วยความงกของเราเราเลยเลือกวอล์คอินแทนค่ะ ประหยัดกว่าครึ่ง แต่ถ้าจะให้ดีเราอยากยื่นแบบจองวันมาแล้วดีกว่า (ค่าบริการพรีเมี่ยมต่าง https://www.vfsglobal.co.uk/th/en/premium-services )


ขั้นตอนการมารอ walk in วีซ่าอังกฤษ UK

1. เตรียมเอกสารให้พร้อมค่ะ อย่าลืมสำเนาพาสปอร์ตมาด้วย เล่มปัจจุบันถ่ายมาเผื่อสัก 2 หน้า เล่มเก่าๆที่จะยื่นประกอบก็ถ่ายมาให้ครบนะคะ !!! อย่าลืมปริ้นท์ใบ checklist มาด้วยค่ะ!!! (ถ้ากรอกในเว็บจะมีบอกอยู่แล้วว่าให้ปริ้นท์มา), ส่วนเราติดมาตั้งแต่ยื่นวีซ่าสมัยก่อนต้องปริ้นท์ อีเมลคอนเฟิร์ม มาด้วย (วันนี้ก็ได้ใช้อยู่ดี เค้าเอาไปปั๊มตรา walk in ให้ ก่อนส่งต่อให้เดินไปขึ้นลิฟต์), ปริ้นท์พวกใบเสร็จอะไรเผื่อด้วยค่ะ อยากถ่ายเอกสาร อยากก็อปปี้อะไรก็เอามาเลย ที่สำคัญ อย่าแม็กเอกสาร หรือถ้าใช้คลิปหนีบ ตอนไปชั้น 28 ก็เอาออกค่ะ

Update ก.พ. 2020 ไม่ต้องปริ้นท์ e-mail คอนเฟิร์มวัน แล้วนะคะ ตอนนี้จะใช้เป็น ใบ receipt ของVFS ที่แสดงเวลานัดหมาย และเอกสารที่สแกนแล้วอัพโหลดแทนค่ะ แต่วันจริง ก็อย่าลืมเอาเอกสารทุกอย่างที่อัพโหลดมานะคะ แบบปร้ินท์ หรือ ถ่ายเอกสาร ค่ะ เพื่อความสะดวกในการแสกน หากต้องแสกนซ่อม

2. มาถึงตึกเทรนดี้ตั้งแต่เช้า อย่างเรามาถึงประมาณ 7.30 ก็มีคนมายืนรอก่อนหน้าเราแล้วค่ะ ถึงจะยื่นแบบปกติ ก็ต้องมาให้เช็คชื่อที่เค้าเตอร์vfsชั้น 1 ก่อนนะคะ เข้าประตูหน้าตึก เป็นโต๊ะด้านซ้ายมือ สักพักจะมีคนมาตั้งป้ายว่าที่เค้าเตอร์นี้ยื่นของอังกฤษ UK Visa ฝั่งซ้ายมือ  ออสเตรเลียขวามือประมาณนี้ค่ะ แยกคิวกันนะคะ 2 ช่องนี้ ไม่ต้องไปยืนรอด้านขวา

ระหว่างที่ยืนต่อคิวก็จะมีเจ้าหน้าที่รปภมาเคลียร์ว่ายื่นกี่โมง (อังกฤษเปิดเช็คชื่อ 15 นาทีก่อนเวลานัด) เราบอกว่าเรามาวอล์คอิน คนนึงบอกเราให้ออกมารอด้านนอก คนนึงบอกต่อคิวไป เราเลยเลือกต่อคิวค่ะ โชคดีที่คนด้านหน้าก็วอล์คอินเหมือนกันเลยยืนรอไปด้วยกัน

พอเจ้าหน้าที่มาเปิดโต๊ะรับรอบ 8:30 เราก็ยืนรอไปคุยกับเจ้าหน้าที่ พอบอกว่ามาสแตนบาย เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าให้รอก่อนจะเรียกประมาณ 8:45 ถ้าฟังไม่ผิดเหมือนจะรอเคลียร์รอบ 9 โมงก่อน ตอนแรกเรากับคนด้านหน้าก็ไปยืนต่อแถวหลังคนที่เข้าคิวใหม่อีกรอบ แต่รปภก็มาบอกว่างั้นไปเปิดคิวข้างเจ้าหน้าที่ก็ได้ เลยไปยืนรอข้างเจ้าหน้าที่เช็คชื่อค่ะ

ประมาณ 8:45 เขาก็เรียกเราไปดูเอกสาร ว่าสมัครออนไลน์มาแล้ว ปริ้นท์ใบเช็คลิสต์มาแล้ว จากนั้นก็ปั๊มตรา Walk in พร้อมให้เราไปขึ้นลิฟต์ต่อไปชั้น28ค่ะ

ใบนัด UK Visa พร้อมแสตมป์ Walk in
ปริ้นท์หน้าอีเมลคอนเฟิร์มเผื่อมา พร้อมวันเวลานัด เผื่อเอาไว้ เจ้าหน้าที่ใช้เป็นใบแปะหน้าตอนจะขึ้นไปพอดีค่ะ

3. ที่ชั้น 28 เดินผ่านเครื่องตรวจแล้วเราก็ไปที่เค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์ให้บัตรคิว แต่เดี๋ยวนี้ไม่ให้บัตรคิวก่อนค่ะ เขาจะให้ใบไปเรียงเอกสารตาม (ซึ่งมีพี่คนนึงบอกถ้าเรียงผิดต้องจ่าย 200) ใครกลัวเรียงผิดเราเห็นมีบริการเรียงให้ในราคา 150 บาทค่ะ(แต่แค่เรียงนะคะ ยื่นเอกสารต่อคิวก็ไปเอง) โดยการเรียงเอกสารนี้น่าจะแค่ทำให้เวลาสแกนส่งไปที่เดลีไวขึ้น เพราะเป็นบาร์โค้ดให้แต่ละหมวด เช่น เอกสารทางการเงิน, เอกสารการทำงาน, เอกสารที่พัก, เอกสารสปอนเซอร์, เอกสารต่างๆ หน้าใบเอกสารบาร์โค้ดแต่ละหมวด ก็มีเขียนไว้ด้วยว่าต้องไม่มีคลิป, แม็ก, ที่หนีบต่างๆ และต้องเป็นกระดาษA4เท่านั้น เรากลัวโดนจ่าย 200 แบบที่รุ่นพี่บอกเลยเช็คให้ดี แกะแม็คทุกตัวออกหมดเลย ส่วนเอกสารหมวดไหนเราไม่มีประกอบ เจ้าหน้าที่บอกว่าก็แค่ดึงกระดาษที่มีบาร์โค้ดหมวดนั้นออกค่ะ พอเรียงเอกสารเสร็จแล้วอุ้มเอกสารไปต่อคิวที่มุมตรวจเอกสาร  (ถ้าจำไม่ผิดจะยืนรอคิวตรงเค้าเตอร์เบอร์3 แล้วเค้าเตอร์ไหนว่างก็ค่อยเดินไปค่ะ)

ปัจจุบัน (ก.พ.2020) มีค่าบริการแสกนและอัพโหลดเอกสารเพิ่มที่ 460 บาทนะคะ ถ้าอยากประหยัดส่วนนี้ก็ให้อัพโหลดมาจากบ้านค่ะ

4. ตรวจเอกสารเสร็จแล้ว เราก็ไปที่เค้าเตอร์แจกบัตรคิว แล้วเดินเข้าห้องรอส่งเอกสารต่อไป เราเห็นเจ้าหน้าที่เขียนเราเป็นคิวแรกของวันพอดีเลย อ่านในรีวิวเห็นว่ารับwalk in แบบธรรมดานี้แค่ 10คนต่อวัน แต่เราก็ไม่รู้จริงไหม ไม่ได้ถามค่ะ ยังไงไปให้ไวคือดีที่สุด

5. เปิดประตูเข้าห้องยื่นเอกสาร ก็เรียกคิวเราพอดี (ไวมาก!!!) ตอนนั้นประมาณ 9:30 ค่ะ ยื่นเอกสารเสร็จ จ่ายเงิน 1,560 บาท ( เงินสดเท่านั้น / ก.พ.2019)ก็มานั่งรอเจ้าหน้าที่สแกนเอกสารแล้วเรียกชื่อเรา เจ้าหน้าที่จะยื่นเอกสารที่สแกนเสร็จแล้วคืนให้เรา พร้อมกับซองพาสปอร์ตให้เราไปยื่นต่อที่ห้องเก็บข้อมูล biometric (ถ่ายรูป ปั๊มนิ้ว…รูปนี่แปะในวีซ่าด้วยนะ แต่งหน้ามาค่ะ!) เสร็จทุกสิ่งภายใน 9:45 กลับบ้านได้


อ้อ ของเราเจ้าหน้าที่ถามว่าจะเอาบริการ SMS ด้วยหรือไม่ แล้วบอกว่าเดี๋ยวนี้สถานทูตไม่ส่งเมลให้แล้วนะ (แต่ปีก่อนๆเราก็โดนพูดแบบนี้ แต่สถานทูตก็ส่งเมลมาทุกที) เราก็เลยไม่รับ SMS ค่ะ รอดูว่าปีนี้จะเป็นยังไง //  เจ้าหน้าที่แจ้งว่ารอ 15 วันทำการค่ะ แต่เราก็กลัวเทศกาลอินเดียด้วย เลยไม่กล้าวางใจคิวเราเอง

หวังว่าบล็อกนี้จะมีประโยชน์ในการของ UK Visa บ้างนะคะ ขอให้เที่ยวอังกฤษให้สนุกค่ะ <3

====อัพเดทผล==== ปีนี้ราไม่ซื้อบริการSMSแจ้งรับพาสปอร์ตค่ะ สถานทูตก็มีอีเมลมาหาเราอยู่ดีว่าอีก 2 วันมารับได้ ถ้าใครไปยื่นแล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีอีเมลแจ้งอีกแล้วก็อย่าหลงไปสมัครSMSนะคะ เข้าใจว่าเป็นช่องทางหาเงินเขา แต่เราจะจ่ายเพิ่มทำไมถ้ามีเมลบอกอยู่ดี เราสมัครปี 2015, 2017, 2018, 2019 ได้อีเมลหมดค่ะ