Liver bird อ่านว่า “ไลเวอร์ เบิร์ด” และไม่ใช่หงส์

ตั้งแต่วันแรกที่เราได้เหยียบลงที่ลิเวอร์พูล ณ เมอร์ซีย์ไซด์ ความรู้ใหม่จริงๆที่เราเพิ่งรู้ก็คือชื่อนก Liver bird ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ อ่านว่า “ไลเวอร์ เบิร์ด” ก่อนหน้านี้ เราและเชื่อว่าคนไทยหลายคน ก็คงจะเป็นเหมือนกัน ที่อ่านชื่อนกนี้ว่า “ลิเวอร์เบิร์ด” เหมือนเวลาเราอ่านชื่อเมือง ลิเวอร์พูล และคำว่า ตับ (Liver)

โดยการอ่านนั้น เราได้ฟังครั้งแรกจากไกด์บนรถสองชั้นที่พาชมเมืองลิเวอร์พูล และจากการบอกเล่าของไกด์หนุ่มสุดหล่อที่แอนด์ฟิลด์ ได้ความว่า อ่านเหมือนสาหร่ายที่นกคาบอยู่ (laver) นั่นเอง

ส่วนต้นแบบของ นกไลเวอร์เบิร์ด นั้น ไม่ใช่ หงส์ หรือ เป็ด แต่อย่างใดค่ะ มาจากนกท้องถิ่นในแถบนั้น เรียกว่านก Cormorant หรือนกกาน้ำค่ะ

หน้าตาของนกกาน้ำ (Cormorant) ถ่ายจากป้ายที่ wildlife lake ตรงข้ามกับเมืองลิเวอร์พูล

ตำนานของ Liver Bird

ตำนานความเป็นมาของนกตัวนี้ ตามคำบอกเล่าของชาวลิเวอร์พูลคือ ในช่วงยุคศตวรรษที่ 17 เป็นสมัยที่ต้องทำตราสัญลักษณ์ประจำเมือง จริงๆแล้ว ตั้งใจที่จะทำเป็นรูปนกอินทรี ตามคำบอกเล่าในตำนานว่า “เป็นนกนำโชค” แต่ศิลปินไม่เคยเห็นนกอินทรีมาก่อน เลยเอาแบบจาก นกกาน้ำ (Cormorant) ซึ่งเป็นสัตว์ในแถบนั้นแทน แล้วยุคหลังจากนั้นจึงเติม ขาแบบนกอินทรี ให้ เพราะอย่างน้อยจะได้โชคดีตามนกอินทรี

old Liverpool city's crest with cormorant before adapting to Liver bird.
ตราเมืองสมัยก่อนค่ะ จะยังเห็นความเป็นนกกาน้ำอยู่ชัดเจนมาก

อีกตำนานหนึ่ง คือ ในศตวรรษที่ 13 เมืองนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าจอห์น ที่ต้องการใช้เมืองเป็นท่า ส่งกองกำลังไปคุมไอร์แลนด์ ก็มีตราของพระเจ้าจอห์นที่เป็นรูปนกอินทรีคาบดอกไม้มาเป็นตราเมือง แต่ดันทำตราหายในศตวรรษที่ 17 เลยทำใหม่ แล้วไม่รู้ยังไงเปลี่ยนอินทรีเป็นนกกาน้ำแล้วคาบสาหร่ายแทน แล้วนกไลเวอร์ เบิร์ด ก็กลายนกในตำนานแทนเสียอย่างนั้น ก่อนที่รูปร่างจะเปลี่ยนมาจนปัจจุบัน เป็นตราแทบจะทุกอย่างในลิเวอร์พูล แม้แต่ถังขยะสีม่วงของเมืองยังใช้ตรานกนี้เลยค่ะ

สรุปง่ายๆ สัญลักษณ์ของทีมลิเวอร์พูลเกือบต้องเป็นนกอินทรีเสียแล้ว และมันช่างห่างไกลกับคำว่า หงส์ หรือ เป็ด เหลือเกินค่ะ

Liver bird crests in Anfield's old tunnel
อุโมงค์เก่าของแอนฟิลด์ ก่อนปรับเป็นสภาพทุกวันนี้

ดูนกตัวใหญ่ที่สุดของเมือง

ตราสัญลักษณ์รูปนกไลเวอร์เบิร์ดจะพบเห็นได้ทั่วไปในลิเวอร์พูล จุดที่เด่นที่สุดของเมืองคนหนีไม่พ้น ตึก Royal Liver Building ที่มีนก 2 ตัวบนยอดตึกค่ะ ปัจจุบัน ตึกนี้มีทัวร์ให้ขึ้นไปชมวิวนกไลเวอร์เบิร์ดได้ หลังจากตึกนี้โดนประกาศขายเมื่อปี 2016 และ 1 ในบรรดาผู้ซื้อ ได้เปิดหอคอยฝั่งตะวันตก (ด้านติดแม่น้ำ)ให้คนเข้าชมเมื่อปี 2019 นี่เองค่ะ

Royal Liver Building

นก 2 ตัว ที่อยู่บนยอดของตึก Royal Live Builing (ตึกRLB) มีชื่อว่า Bella กับ Bertie ตัวที่ชื่อ Bella หันหน้าไปทางแม่น้ำ ไปสู่ทะเล เพื่อสอดส่องเหล่ากะลาสีเรือที่เข้ามาเมือง ส่วน Bertie หันหน้าเข้าเมือง เพื่อดูแลคนในเมืองลิเวอร์พูล อีกตำนานเล่าว่า นกที่หันออกทะเลเป็นตัวเมีย หันหน้าออกทะเลเพื่อส่องหากะลาสีหนุ่มๆหล่อ ส่วนนกที่หันเข้าเมืองเป็นตัวผู้ หันเข้าเมืองส่องหาผับเที่ยวเล่นกินเบียร์ … และก็มีตำนานที่เล่าว่า เมื่อนก2ตัวนี้บินจากไป เมืองลิเวอร์พูลก็จะดับสลายไปด้วย (ที่ตึกเลยล่ามเสียแน่นเลยค่ะ)

เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับตึก Royal Liver Builiding คือ ตึกนี้เป็นตึกแรกๆเลยที่สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก หอนาฬิกาทั้ง 2 ของตึกนี้ (ที่มีนกเกาะอยู่ด้านบน) มีหน้าปัดนาฬิกาทั้งหมด 4 ด้าน หอฝั่งติดแม่น้ำมีทั้งหมด 3 ด้าน (หันไปทาง ตะวันตก เหนือ ใต้) เพื่อให้คนบนเรือสามารถดูเวลาได้ ส่วนหอฝั่งเมือง จะมีหน้าปัด 1 ด้าน (หันไปทางตะวันออก) หันเข้าเมือง เพื่อให้คนในเมืองได้ดูนั่งเอง

หน้าปัดนาฬิกาที่ตึก RLB นี้ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 7.6 เมตร ซึ่งใหญ่กว่าหน้าปัดของ Big Ben ทำให้เป็น นาฬิกาที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดใน UK (Big Ben จะเคลมเรื่องเป็นนาฬิกา 4 หน้าปัดที่มีการตีบอกเวลา ที่ใหญ่ที่สุด) เป็นเรื่องที่คนลิเวอร์พูลหลายคน อวดด้วยความภูมิใจมากค่ะ

แถมอีกเรื่องที่ไม่ต้องรู้ก็ได้ หลังจาก ตึก RLB ประกาศขาย Farhad Moshiri ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสโมสรเอฟเวอร์ตัน ก็เป็น 1 ในกลุ่มร่วมซื้อตึกนี้ไปด้วย เลยมีออฟฟิศของเอฟเวอร์ตัน และของเขาที่มองเห็นสนามใหม่ของเอฟเวอร์ตันได้ค่ะ (สนามใหม่อลังการมาก รวยจริงๆ)