Mont Saint Michel (1 day trip from Paris)
วันนี้เรากลับมาอีกครั้งพร้อมกับบันทึกการไปสถานที่ในฝันของหลายๆคน นั่นก็คือวิหารกลางน้ำ Mont Saint Michel นั่นเอง (ทริปนี้ เดินทางเมื่อ กันยายน 2017 นะคะ)
มงแซงมิเชลเป็นวิหารบนเกาะที่อยู่กลางทะเลที่นอร์มังดี ทั้งๆที่มีประชากรต่ำกว่า 50 คน (ไม่นับพวกเจ้าหน้าที่และพ่อค้านะคะ) แต่ก็เป็นเกาะที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมปีละไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคนทีเดียว สำหรับเราและหลายๆคนความพิเศษของมงแซงมิเชลไม่ใช่วิหารที่สร้างเพื่อเซนต์ไมเคิลของเกาะนี้ แต่เป็นสภาพภูมิประเทศของที่แห่งนี้มากกว่า เกาะนี้ตั้งอยู่ปากแม่น้ำทั้งสองสายที่จะออกสู่ทะเล ในอดีตสมัยสงคราม 100 ปี อังกฤษก็ระรานมงแซงมิเชลมาตลอดแต่ไม่เคยแพ้ให้อังกฤษเลย ตอนสมัยปฏิวัติฝรั่งเศสก็ถูกใช้เป็นเรือนจำค่ะ
เนื่องจากวันเที่ยวของเราที่ปารีสมีจำกัดมาก เราเลยเลือกที่จะไปเช้าเย็นกลับโดยรถไฟค่ะ แต่หลังจากนั้นเราก็เสียดายมาก เพราะหลังจากเช็คเวลาน้ำขึ้นน้ำลงของเว็บนี้ http://www.ot-montsaintmichel.com/en/horaire-marees/mont-saint-michel.htm เราก็พบว่าช่วงตั้งแต่บ่ายถึงเย็นที่เราอยู่ที่นั่น จะไม่เจอน้ำขึ้นเลย มีแต่น้ำลงค่ะ อดเห็นน้ำล้อมรอบเกาะเลย ถ้ามีเวลาก็ลองไปนอนค้างคืนแถวนั้นเถอะค่ะ จะได้มีเวลามากขึ้น
เลือกซื้อตั๋วรถไฟ ไป Mont Saint Michel
เราซื้อตั๋วผ่านเว็บของ SNCF แล้วไปปริ้นท์ตั๋วที่เครื่องขายตั๋วที่นู่นเอาค่ะ ตอนนั้นเสียเงินไป 54 EUR สำหรับตั๋วไปกลับจากปารีสค่ะ โดยเราออกจาก ปารีส สถานี Montparnasse 3 Vaugirard ตอน 7.38 น. นั่งไปประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วเปลี่ยนเป็นรถบัสที่ Villedieu les poeles นั่งไปอีก 45 นาที ถึงลานจอดรถของ Mont St Michel ตอน 11.25น. หลังจากนั้นเราจะมีเวลาเที่ยวเพื่อขึ้นรถบัสกลับแล้วย้อนทางเดิมตอน 18.05 ก่อนจะถึงปารีสเวลา 22.05 ตามในรูปนี้เลยค่ะ
เรื่องควรรู้ สถานี Paris Montparnasse 3 “Vaugirard” ไม่ได้อยู่ในตึกหลักของสถานี Montparnasse ค่ะ อย่าลืมเผื่อเวลาไปเยอะๆด้วย ถ้าลง metro ที่ Montparnasse เราเดินหาจนขาขวิดเลยทีเดียว ไกลมากค่ะ
หลังจากนั่งหลับมาบนรถนานเกือบ 3 ชั่วโมง ก็มาถึงสถานีที่เปลี่ยนเป็นรถบัสค่ะ สถานีร้างมาก เดินออกมาก็จะเจอบัสคันเดียวและลุงคนขับคืนรอตรวจตั๋วเรา ระหว่างทาง 45 นาทีที่อยู่บนรถก็จะเป็นมงแซงมิเชลลิบๆอยู่ ให้ตื่นตาตื่นใจตลอดทางค่ะ ตอนนั้นตื่นเต้นมากจริงๆ
ถึงแล้ว แต่!!!! Mont St Michel ที่อยู่ในตั๋ว SNCF ของเรานี้ไม่ใช่ตัววิหารนะคะ มันจะเหมือนศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีห้องน้ำ, ล็อคเกอร์ และประชาสัมพันธ์ อยู่ในตึกด้วย อย่าลืมไปใช้บริการห้องน้ำฟรี ตรงนี้จะมีลานจอดรถรวมที่ทุกคนไม่ว่าจะขับรถมาเองหรือนั่งรถทัวร์เข้ามาจะต้องมาจอดตรงนี้ ตอนลงจากรถอย่าลืมจำว่ารถที่เรามาคือคันไหน แล้วก็ขึ้นจากตรงไหนนะคะ หลังจากทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำของศูนย์บริการแล้ว ก็ออกมาเลือกว่าจะนั่งรถม้า, เดิน, หรือนั่งรถบัสเวียนของมงแซงมิเชลเข้าไปดี โดยที่รถบัสเวียนนั้น”ฟรี”นะคะ เรารอรถประมาณ 2 รอบถึงจะได้ขึ้นค่ะ นั่งรถแค่ประมาณ 10 นาทีก็ถึงทางเข้าเกาะแล้วค่ะ แต่ถ้าเดิน เขาว่า 30 นาทีก็สบายๆ ส่วนเราเดินไปถ่ายรูปไปตอนขากลับมาที่ลานจอดรถ ก็ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงเลยค่ะ
อย่าลืมเข้าห้องน้ำที่จุดบริการนักท่องเที่ยวตรงลานจอดรถด้วยนะคะ เข้าฟรี
สักพักรถเวียนก็จะมาจอดตรงใกล้ๆทางเข้าเกาะแล้วเราก็เดินเข้าไปเองค่ะ ลงจากรถปุ๊บทุกคนก็คว้ากล้องมาถ่ายรูปทันที 555
จากรูปจะมองเห็นสะพานที่รถเวียนขับมามาจอดนะคะ ถ้าเดินมาเองก็จะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที จะเห็นว่าตอนที่เราไปเป็นเวลาน้ำลงค่ะ สามารถลงไปเดินรอบๆได้ แต่ถ้าอยากเห็นเกาะวิหารล้อมไปด้วยน้ำ ช่วงนั้นที่เราไปตารางจะอยู่ช่วงเช้าและช่วงเย็นค่ะ (ซึ่งเราอยู่ดูไม่ทัน ถ้าใครมีเวลาเที่ยวเราแนะนำให้นอนค้างแถวนี้นะคะ จะได้เห็นความงามช่วงน้ำขึ้นด้วย)
สำหรับ Mont St Michel แล้วไฮไลท์ก็คือตัววิหารค่ะ ถึงด้านในวิหารจะไม่มีอะไรเท่าไหร่ แต่วิวที่มองออกไปด้านนอกนั้นสวยงามมากค่ะ
เมื่อเดินเล่นเก็บภาพวิวจนหนำใจแล้ว เราก็ออกมาเดินเล่นตรงบริเวณน้ำลดด้านล่างค่ะ
วันที่เราไปเป็นวันที่อากาศดีมาก แดดออก ชาวฝรั่งเศสผู้เห่อแดดก็ออกมาเที่ยวเล่นที่นี่ค่ะ ขากลับทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นรอคิวขึ้นบัสกันเยอะมาก เราเลยตัดสินใจออกเดินเท้ากลับไปยังบริเวณที่จอดรถและจุดบริการนักท่องเที่ยวค่ะ อย่าลืมเผื่อเวลาเดินด้วยนะคะ เราปาไป 2 ชั่วโมงเพราะวิวดีงามมาก ไปแวะตรงเขื่อนขากลับด้วย โดยที่เขื่อนนี้จะอยู่ระหว่างมงแซงมิเชลกับที่จอดรถอยู่แล้วค่ะ (รถเวียนก็จอดให้นะคะ) เป็นมุมที่เราชอบที่สุดเลย จะชอบกว่านี้ถ้าเป็นเวลาน้ำขึ้นค่ะ
มาถึงเรื่องปากท้องที่สำคัญของเรากันดีกว่า ตอนเราอ่านรีวิวเราเจอว่าร้าน La Mére Poulard ในเกาะนั้นดังมาก ที่ดังก็คือ Omelette แบบฝรั่งเศสค่ะ แต่รีวิวใน Tripadvisor หลังๆดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่และคนรอหน้าร้านเยอะมาก เราเลยไปลองอีกร้านนึงที่คะแนนดีแล้วคิวไม่ยาวค่ะ นั่นก็คือร้าน La Sirene เป็นร้านขายเครปแบบฝรั่งเศสเลย คนที่นี่มีเครปทั้งของคาวและของหวาน เราก็สั่งทั้ง 2 แบบค่ะ แต่ของหวานเราสั่งเป็นไอติมโปะมาลูกเดียว(เพราะงก) แต่คนเกาหลีโต๊ะข้างๆสั่งมาอลังการมากมีทั้งวิปครีมและผลไม้ //ทางเข้าร้าน La Sirene จะเป็นร้านขายของที่ระลึกค่ะ แล้วเดินขึ้นมาทางบันไดเล็กๆไปชั้นบน มีเชฟคนเดียวทำให้เราดูเลย
บรรยากาศร้าน เครปของคาว
สำหรับเครปเราว่าอร่อยใช้ได้ค่ะ แต่เนื่องจากก่อนหน้านั้นเพื่อนคนฝรั่งเศสเพิ่งทำเครปให้กินแบบอลังการ เลยรู้สึกว่าที่เพื่อนทำอร่อยกว่า
ถ้ามาร้านนี้แนะนำว่าให้ลองสั่ง cidre brut กินนะคะ เป็น apple cider เสิร์ฟแบบใส่เหยือกมา อารมณ์เดียวกับเวลาไปกิน Apfelwein ที่ฟรังเฟิร์ตเลยค่ะ
โดยที่ cidre brut นี้เป็นของดีของมงแซงมิเชลเลยนะคะ ตรงซุปเปอร์Les Galeries du Mont Saint-Michel แถวโรงแรมระหว่างทางไปที่จอดรถก็มีขายเป็นแบบขวดค่ะ แต่เหยือกได้อารมณ์มากกว่าแน่นอน กินกันทั้งเกาะเลย
อีกอย่างที่เราเจอคือร้านขายคุกกี้ชอตเบรดค่ะ อร่อยดี กล่องสวยมาก เราซื้อกลับมาจากสนามบินเพราะเหลือเหรียญอยู่ค่ะ ที่บ้านบอกว่าเฉยๆนะคะ แต่เราชอบกล่อง
จากรีวิวของเราจะเห็นได้ว่ามงแซงมิเชลมาได้ง่ายมาก ถ้าไม่มีเวลาจะมาเช้าเย็นกลับก็ได้ค่ะ เรามาเช้าเย็นกลับถึงปารีสดึกๆแล้ววันรุ่งขึ้นก็บินกลับไทยเลย ยังไหวอยู่ค่ะ แต่ถ้ามีเวลาจริงๆเราอยากเชียร์ให้อยู่ค้างสักคืนนึงก่อนเพื่อจะได้ดูความงามตอนน้ำขึ้นด้วย เราเองถ้ามีโอกาสได้ไปอีกรอบ เราจะไปค้างแน่นอนค่ะ
Tips:
– อย่าลืมว่าสถานีรถไฟ Paris Montparnasse 3 “Vaugirard” ไม่ได้อยู่ในตึกหลักของสถานี Montparnasse อย่าลืมเผื่อเวลาไปเยอะๆด้วย ถ้าลงmetroที่Montparnasse โดยเฉพาะรถไฟเราจะออกรอบเช้า ต้องเผื่อเวลาไปเดินหาตึกและปริ้นท์ตั๋วที่เครื่องด้วยนะคะ
– ขากลับไปที่ลานจอดรถ อย่าลืมเผื่อเวลาที่จะต้องรอรถเวียนด้วยค่ะ เพราะคนรอกลับเยอะมาก พวกที่เดินมาก็ไม่อยากเดินกลับแล้ว หรือถ้าอยากเดินก็อย่าลืมกะเวลาให้ดีค่ะ มีสิ่งล่อตาล่อใจวิวสวยมากตลอดทางที่เดิน
– อย่าลืมกิน cidre brut!
ขอบคุณที่อ่านกันมาถึงตรงนี้ สัญญาว่าจะขยันอัพบล็อคมากขึ้นค่ะ