Isle of Skye – Scotland (May 2017) ไอล์ ออฟสกาย
บล็อกนี้จะเป็นบล็อกเกี่ยวกับการเดินทางของเรา ไป Edinburgh (เอดินบะระ) จาก ลิเวอร์พูลนะคะ ต่อด้วย Isle of Skye ที่อยู่ทางไฮแลนด์ คือขึ้นไปตอนเหนือของสก็อตแลนด์ไปอีกนะคะ
Liverpool to Edinburgh
การเดินทางจากลิเวอร์พูล ไปเอดินบะระ โดยรถไฟนั้นราว 4 ชั่วโมง แต่วิวข้างทางที่ได้เห็นนั้นสวยงามมากค่ะ ช่วงที่ไปเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ มีลูกแกะวิ่งเล่นเต็มไปหมดระหว่างทาง ที่นี่เขาเลี้ยงแกะกันเยอะจริงๆ พอถึงสกอตแลนด์ ก็เจอร้านขายผลิตภัณฑ์จากขนแกะเต็มไปหมด อยากซื้อกลับไทย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใส่ได้ไงอากาศร้อนๆ
เราเคยไปเอดินบะระมาก่อนแล้ว แต่กลับมาที่นี่อีกเพราะเป็นเมืองน่ารักๆ มีกลิ่นอายแฮร์รี่ พอตเตอร์ อยู่ตลอดเวลา แม้แต่ปราสาทเอดินบะระที่อยู่บนเนินเขาก็ทำให้เรานึกถึงปราสาทฮอกวอตส์ได้
หาตั๋วไป Isle of Skye
มาสกอตแลนด์ครั้งนี้เราหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปที่ Isle of Skye ให้ได้ ปกติเวลาคนที่นี่ไปสกายกันเขาจะขับรถไปกัน แต่เราไปคนเดียว จะซื้อทัวร์ก็รู้สึกว่าแพงไปและดูนู่นนี่ได้แค่นิดเดียวเอง เราเลยดั้นด้นหาทางไปเอง ซึ่งมี2ทางคือรถโค้ชและรถไฟ
1. รถโค้ช ใช้ของ Scottish Citylink ประมาณ6-9ชั่วโมง แล้วแต่สายที่เราเลือกค่ะ ตั๋วสามารถจองผ่านเว็บได้ แต่จริงๆแนะนำว่าซื้อ Explorer Pass ของ Citylink จะดีกว่า เป็นตั๋วจะนั่งไปไหนก็ได้บนโค้ชของCitylink ถ้าอยู่สกอตแลนด์หลายวัน ตั๋วนี้คุ้มมากค่ะ ตอนนี้ราคาเพิ่งขึ้น แต่ราคาก็ยังไม่แรงมาก โดยเฉพาะถ้าตั้งใจว่าจะไปปราสาท Eilean Donan Castle แล้วล่ะก็ สามารถนั่ง Citylink มาลงที่หน้าปราสาทได้ค่ะ
ข้อดีของการนั่งรถโค้ชมาก็คือ รถจะวิ่งข้ามสะพาน Skye Bridge เข้าสู่ Isle of Skye ไปเลยค่ะ ถ้าเลือกที่พักแถว Kyleakin ซึ่งเป็นโซนที่มีโฮสเทลอยู่เยอะมาก รถจะจอดให้เป็นป้านแรกหลังจากข้ามสะพานมาเลยค่ะ สะดวกมาก ไม่เสียเวลารอรถข้ามมากจากสถานีรถไฟเป็นชั่วโมง
2. รถไฟ เราชอบนั่งรถไฟค่ะ เลยเลือกเดินทางมาแบบนี้ แถมราคาตั๋วจองล่วงหน้าไปกลับก็ 32ปอนด์พอดี (ตั๋วเปิดให้จอง3เดือนก่อนเดินทางค่ะ) เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมงค่ะ ยิ่งอ่านเจอว่าเส้นทางระหว่าง Inverness ไปถึง Kyle of Lochalsh นั้นเหมือนได้โหวตเป็นทางรถไฟที่วิวสวยที่สุดแล้ว เราเลยกดจองค่ะ (หารู้ชะตากรรมไม่) แต่วิวข้างทางสวยจริงๆ มีช่างภาพยืนรอรถไฟวิ่งผ่านตามซอกเขาและริมทะเลเพื่อถ่ายรูปรถไฟกับฉากหลังเต็มไปหมด ถึงทางจะยาวนานแต่เราไม่ได้หลับตาลงสักนิดเดียวค่ะ ยิ่งพอรถไฟวิ่งเข้าโซน Highland ที่เต็มไปด้วยเนินเขาและภูเขา บางลูกมีหิมะอยู่บนยอดด้วย เราละสายตาไม่ได้เลยค่ะ
ข้อดีของการนั่งรถไฟก็คือ เราได้ยืดแข้งยืดขา เดินไปมา ห้องน้ำก็สะดวก แถมเราเทียบราคาแล้วรถไฟเราถูกกว่ารถโค้ชอีก (แต่ลืมคิดค่ารถที่จะไปEilean Donan ถ้าซื้อ Explorer Passแล้วนั่งโค้ชมาเราก็จะไม่ต้องเสียอะไรเพิ่ม) แต่ข้อเสียใหญ่ของการนั่งรถไฟไป Isle of Skye ก็คือ….รถไฟมันไปไม่ถึงค่ะ T_T รถไฟจะจอดอยู่ที่ Kyle of Lochalsh ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Kyleakinบริเวณโฮสเทลและด่านแรกของสกายเลย แต่จากสถานีรถไฟไปสกายจะต้องข้าม Skye Bridge ที่ถ้าเราเดินก็จะประมาณ45นาที(GoogleMap) หรือแค่ 5นาทีโดยรถเมล์ ซึ่งรถเมล์นี่แหละค่ะเป็นปัญหา เพราะรถมาวันละแค่ 2-3รอบ พอรถไฟมาถึงเราต้องรออีก2-3ชั่วโมงกว่าถึงจะได้ขึ้นรถCitylink เลยไปหาอะไรกินฆ่าเวลา พอชั่วโมงผ่านไปเราเดินกลับมาดันเจอรถที่เป็น Local bus คนขับเป็นลุงๆหน้าตาในดี แวะมาจอด ถามลุงว่าไปแถวโฮสเทลได้ไหม ลุงก็บอกว่าได้ เลยกระโดดขึ้นรถลุงเลยค่ะ แต่รอบรถนี้ก็อินดี้เหมือนกัน คนขับคนเดียว รถคันเดียว วิ่งวันละ 2รอบ หยุดวิ่งวันอาทิตย์
ตอนรอรถจริงๆมีคนฝรั่งเศสชวนคาร์พูลไปด้วยกันเพราะนางเช่ารถ แต่รถบัสลุงดันมาก่อนที่นางจะไปรับรถเช่าค่ะ // ถ้าเช่ารถมาที่รับรถอยู่ตรงแถวสถานีรถไฟค่ะ แถวนั้นจะเจอ COOP ด้วย ตุนเสบียงก่อน
สรุปคือ…ถ้ามาคนเดียวเราแนะนำว่านั่งรถโค้ชของCitylinkมาเลยดีกว่า ยิ่งถ้าจองที่พักในPortreeแล้วล่ะก็ หนทางยาวไกลเลยค่ะเพราะรถlocal busของลุงไม่ไป วิ่งแค่แถวหมู่บ้านนี้ ต้องรอCitylinkอย่างเดียวเลย ถ้าลงจากรถไฟมา แล้วก็ถ้ามาหลายคน แนะนำว่าเช่ารถขับจะดีกว่าค่ะ เพราะปัญหาถัดไปของเราคือ…เที่ยวในSkyeค่ะ
Isle of Skye : ถ้าไม่มีรถก็ยากหน่อย
หลังจากพยายามหาข้อมูลเรื่องการเที่ยวในSkyeเราพบว่าจะไปแต่ละที่มันยากมากจริงๆถ้าไม่มีรถ ทางเดียวที่ทุกคนแนะนำก็คือ ซื้อทัวร์ค่ะ การหาทัวร์ของเราก็เริ่มต้นขึ้น ราคาทัวร์เฉลี่ยจะอยู่ที่39ปอนด์ เราจองกับ LoveSkyeTours ไป แต่ไม่ได้ไปค่ะ….คืนก่อนวันไปทัวร์ ได้อีเมล์ส่งมาแคนเซิลเพราะคนขับป่วยตอนสองทุ่ม และรีฟันด์เงินให้เราหมดเลย ซึ่งทัวร์นี้ตอนแรกเราเจอในTripadvisorเรทติ้งดีมากเราเลยกดไปทันทีไม่ได้อ่านรีวิวอะไร แต่ก่อนไปทริปเราเข้าไปอ่านรีวิว เจอว่าคนขับซึ่งเป็นไกด์ด้วย ชอบโผล่มาด้วยอาการเมาค้าง บางทีก็บอกว่าเอ้อวันนี้เมาค้างนะ จะไม่ค่อยพูดอะไร แล้วก็ไม่พูดอะไรตลอดทัวร์ค่ะ ….เราเลยแอบคิดว่าที่เขาไม่มาอาจจะเพราะเมาค้าง เพราะคืนก่อนทัวร์เรากับเขาดันเป็นคืนวันหยุดยาวด้วยค่ะ
ทางแก้ของเราคือรีบไปหาจนท.โฮสเทล ตอนนั้นเกือบสี่ทุ่มแล้ว เล่าเรื่องแล้วถามว่าขอจองทัวร์วันพรุ่งนี้กระทันหันได้ไหม เพราะโฮสเทลเราเป็นที่พักของพวกที่ซื้อทัวร์มาจากเอดินบะระแล้วถ้ามีที่ว่างบนรถก็จะขายday tourให้เราได้ค่ะ (ตอนแรกเราก็อยากจองมากกว่าLoveSkyeแต่เราไม่อยากรอว่าเราจะได้ไปหรือเปล่าในวันท้าย..แต่สุดท้ายเรามาได้ซื้อทัวร์นาทีสุดท้ายค่ะ) จนท.โฮสเทลเราดีมากเลย รีบโทรหาคนขับ/ไกด์ของ Macbackpackers ว่ามีที่นั่งพอไหมแล้วมารับเราได้ไหมตอนเช้าพรุ่งนี้ คนขับน่ารักมากค่ะมารับเราเช้าวันรุ่งขึ้นและดูแลเราดีมาก
จริงๆแล้วถ้าเวลาน้อยเราแนะนำให้ซื้อทัวร์กับ Macbackpackers ออกมาจากเอดินบะระเลย เป็นทัวร์3วัน2คืน จะได้แวะเที่ยวระหว่างทางด้วยเรื่อยค่ะ แล้วจะมี 1 วันเต็มที่Skye แต่เราตั้งใจมาถ่ายรูปและพักผ่อน เลยไม่ขอซื้อทัวร์ แต่มาคิดดูแล้วเราเสียเวลานั่งรถไปกลับก็สองวันแล้ว ไม่ได้มีไกด์คอยพูดอธิบายและได้หยุดตามแหล่งสวยๆก็เสียดายนิดหน่อยค่ะ
วันเดียว เที่ยวทั่วสกาย
ทัวร์รอบSkyeก็จะพาไปตามสถานที่ไฮไลท์ต่างๆ เช่น Portree, The Storr, Quiraing, Uig ค่ะ ระหว่างทางไกด์ซึ่งเป็นคนขับรถด้วยก็จะเล่าเรื่องตำนานต่างๆ แล้วเกาะSkyeนี้เป็นเกาะที่มีตำนานเทพและสิ่งมหัศจรรย์เยอะมาก ฟังแล้วก็เพลินดีค่ะ
จุดแรกที่เราจอดแบบแรนด้อมมากๆคือไปดู Hairy Coo หรือ Highland Cattle กันค่ะ เป็นวัวของสกอตแลนด์ หน้าตาน่ารักมาก แต่ถ้าเข้าใกล้อาจโดนขวิดได้ แต่เนื้อวัวสกอตอร่อยมากเลยนะ
ถ้าขับรถมาเอง การตามหาวัว Hairy Coo หาได้ตามคอกตอนเช้าๆค่ะ คนเลี้ยงจะเอาวัวไปทิ้งไว้ตามคอก สายๆมาต้อนกลับฟาร์มตัวเอง ถ้าที่คอกข้างทางแบบนี้ สามารถจอดข้างทางแล้วลงไปถ่ายรูปได้ แต่อย่างที่เห็นเขาวัวนะคะ ความเสี่ยงล้วนๆ
หลังจากถ่ายรูปกับวัวไกด์ก็พาเราไปปล่อยให้เดินเล่นเบาๆแถว Sligachan River ซึ่งว่ากันว่าเป็นลำน้ำที่มาจากน้ำพุอายุวัฒนะค่ะ ถ้าเอาหัวจุ่มน้ำ7วินาทีแล้วหน้าจะเยาว์วัยและสวยงามตลอดไป แต่เราไม่ได้ลองนะ เอาเวลาไปเดินเล่นถ่ายรูปมากกว่า เพราะเราเจอก้อนหินที่เขาเอามาเรียงกันที่เขาเรียกว่า Cairn ค่ะ ปกติเขาจะเอาไว้บอกหลักเวลาเดินทาง เป็นการสร้างแลนด์มาร์ค
จุดหมายถัดไปของเราคือ Portree ซึ่งเป็นเมืองหลวงของSkye ภาษาที่นี่อ่าน “พอร์ท รี” ไกด์ให้เราซื้อของกินเพื่อเตรียมไปเดินเขากัน แล้วเราจะทานข้าวกลางวันตอนเดินเขา …. เราได้แซนด์วิชกับน้ำ แล้วก็วิ่งหากาแฟในเมืองกิน ก่อนมามีคนบอกว่าลอบสเตอร์ที่นี่อร่อย แต่เรามาเช้าเกินไปร้านปิดอยู่ เหลือแต่พวกคาเฟ่ ร้านเบเกอรี่ ร้านกาแฟ และซุปเปอร์COOP …ใครจะตามรอยเราช่วยไปจัดลอบสเตอร์ทีเถอะค่ะ
จริงๆสิ่งที่เราอยากเห็นมากที่สุดของPortreeก็คือท่าเรือของเขาค่ะ ตึกเล็กๆสีสันสดในเป็นร้านอาหาร และที่พัก มีร้านFish and chips หน้าตาน่ากินอยู่เจ้าหนึ่งแต่เราไม่กล้าเอาไปปีนเขาด้วย/ จบที่COOPกับร้านกาแฟแถวนั้นเพื่อเติมพลัง
จากนั้นเราทุกคนก็มุ่งหน้าสู่ The Storr ซึ่งเป็นไฮไลท์ของSkyeเลยค่ะ ระหว่างทางไกด์ก็เล่าตำนานของก้อนหิน The Old Man of Storr (ที่เป็นก้อนหินเดี่ยวที่ยืนอยู่ขวาสุดของเนินเขานั้นค่ะ) ตามตำนานคือมีชายคนหนึ่งกับภรรยาเดินขึ้นเขานี้ไปด้วยกันทุกวันจนวันหนึ่งพวกเขาเริ่มแก่แล้วภรรยาเขาก็เดินขึ้นเขาไม่ไหวแล้ว ภูติแฟรี่ก็โผล่ออกมาถามชายแก่ว่าอยากให้ภรรยาอยู่กับเขาไปทุกที่ที่เขาไปไหม ชายหนุ่มตอบตกลง แต่ภูติแฟรี่(ซึ่งเกเรอยู่)ก็ได้เสกเขาให้กลายเป็นหินแทน จะได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เมื่อก่อนจะมีหินหญิงชราด้วย แต่ตอนนี้เหลือแต่หินชายชราที่ยังมองเห็นชัดค่ะ
วันที่เราไปปีน The Storr เป็นวันที่อากาศดีมากค่ะ แถมเป็นช่วงวันหยุดยาว จอดรถกันข้างทางเพื่อลงไปปีนเขากันเต็มเลย คนอังกฤษ(และยุโรป)ชอบเดินป่าเดินเขามากๆ เราได้รองเท้าเดินป่าคู่แรกเพราะมาเรียนที่อังกฤษนี่แหละค่ะ
ที่ Storr นี้ใช้เวลาปีนขึ้นยอดแล้วก็ลงมาจะประมาณ 2ชั่วโมงนะคะ เผื่อเวลาด้วยถ้าอยากชมวิวเรื่อยๆ + เผื่อเหนื่อย ทางเริ่มต้นจะง่ายแล้วค่อยๆชันค่ะ ระวังกันด้วยนะคะ
เป็น2ชั่วโมงที่สั้นนิดเดียว ลงมาเหนื่อยมาก ขึ้นรถรีบวิ่งหาที่นั่งพักทันทีค่ะ ไปจุดถัดๆไปเราเริ่มออมแรง ไม่ออกมาดูแล้ว อย่างKilt Rock ที่แค่จอดรถลงไปที่จุดชมวิวแล้วชะโงกหน้าดูนี่ เราลงไปชะโงกถ่ายรูปแชะเดียวแล้วกลับขึ้นรถเลยค่ะ หมดแรงมากๆ อยากกลับไปแก้ตัวเพราะมันเป็นOne Day Trip ต้องออมแรงไปปีนเขาต่อที่ Quiraing ในตอนเย็นต่อค่ะ
ภาพส่วนของQuiraing ที่เราจินตนาการเอาไว้คือมีหมอกนิดๆให้ดูลึกลับเป็นแดนเวทมนต์สมกับที่เกาะนี้มีตำนานภูติแฟรี่ (จริงๆมีสระแฟรี่ในหุบเขาด้วยแต่เราไม่ได้ไปค่ะ วันนี้คนเยอะมาก และในรีวิวบอกว่าไม่คุ้ม) แต่ช่วงที่เราไปสัปดาห์นั้นทั้ง5วันแดดจ้าหมดเลย อากาศอยู่ราวๆ20องศา เสียใจมากที่เอาเสื้อแจ็คเก็ตหนาๆมาเปลืองพื้นที่กระเป๋าอีก
ปีนเขามาได้สักพักเริ่มหมดแรง เลยไปถ่ายรูปแกะดีกว่า ปรากฏว่าเดินไปก็เหมือนต้อนแกะไปตรงมุมพอดี เลยได้รูปแกะพร้อมวิวอันสวยงามอยู่ข้างหลังค่ะ
แกะที่นี่เป็นแกะพื้นเมืองของสกอตแลนด์ค่ะ เรียกว่า Scottish Blackface พบได้มากตามแถบไฮแลนด์ หน้าแกะจะดำๆไม่ฟรุ้งฟริ้งบาแรมยูเหมือนแกะCheviot, Romney และแกะแถวเวลส์ค่ะ
หลังจากนั้นเราได้แวะไปโรงเบียร์ของท้องถิ่นที่UIGค่ะ แต่เพราะเย็นมากแล้วและเขาปิดให้เข้าชม เลยขอซื้อเบียร์สักนิดกลับบ้านค่ะ เขาว่าเบียร์ที่นี่อร่อยเพราะน้ำอร่อย เราว่าอาจจะจริง อยู่เอดินบะระชงชากินเราก็รู้สึกว่าน้ำอร่อยค่ะ เป็นอันจบ One Day
สรุป The Isle Of Skye: ถ้ามา 2 คนขึ้นไป เช่ารถขับเถอะ มารับรถตอนลงรถไฟที่ Kyle of Lochalsh ก็ได้ เพราะถ้าเกาะทัวร์ไปแค่วันเดียวเหนื่อยมาก เกาะนี้มีอะไรให้ทำเยอะมากเลย อยากอยู่เป็นสัปดาห์เลยทีเดียว
เราแนะนำ Macbackpackers จริงๆค่ะ รถใหม่ ไกด์ก็เอาใจใส่ดีมาก ความรู้แน่นมาก ไม่ได้พูดตลอดเวลาไม่สนใจอะไรอย่างตอนเราไปกับ thehairycoo.com แต่ก็อาจเพราะเจ้านั้นเขาฟรีแล้วพยายามพูดให้คนให้ทิปด้วยมั๊งคะ อย่างเราก็ไม่ประทับใจแต่ให้เพราะสงสารที่เขาพูดเยอะมาก ไม่หยุดเลยตลอดวัน ถ้าไปเที่ยวกันเองคนหรือสองคนไม่อยากเช่ารถขับ เราว่าทัวร์3วัน2คืนจากเอดินบะระคุ้มมากค่ะ ได้ไปเที่ยวลอคเนสด้วย
สำหรับIsle of Skye เราคงจะปิดแค่ตรงนี้เพราะเริ่มยาวเกินไปแล้ว ขอบคุณที่หลงแวะเข้ามาอ่านกันค่ะ